คุ้มภัยโตเกียวมารีนฯ ปี’64 กำไรรับประกัน 2,569 ล้านบาท โกยเบี้ยประกันรวม 18,434 ล้านบาท โต 3.2% พอร์ตประกันรถยนต์ยังคงสร้างรายได้หลัก
วันที่ 17 มีนาคม 2565 นายสุธีชัย สันติวราคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ถึงแม้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายหลายระลอกของโควิด-19 แต่บริษัทก็ยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานปี 2564 ได้เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 18,434 ล้านบาท เติบโต 3.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรจากการรับประกันภัย 2,569 ล้านบาท
– ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ เบี้ยประกันภัยรับรวม 12,256 ล้านบาท เติบโต 4% (ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท)
– ธุรกิจประกันอัคคีภัย เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,606 ล้านบาท เติบโต 2%
– ประกันภัยเบ็ดเตล็ด เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,382 ล้านบาท
– ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,189 ล้านบาท เติบโต 23%
โดยการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทนั้นมาจากความแข็งแกร่งของช่องทางตัวแทนและนายหน้าทั่วประเทศ ผนึกกับศูนย์บริการสาขาและสินไหมที่มีมากกว่า 90 แห่งทั่วประเทศ พร้อมให้บริการและช่วยเหลือลูกค้าทุกที่ทุกเวลา
นอกจากนี้ ด้วยเครือข่ายของกลุ่มบริษัทโตเกียวมารีนทั่วโลก ได้เสริมความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของพันธมิตรธุรกิจคู่ค้าญี่ปุ่นที่มีมาอย่างยาวนาน และได้รับความไว้วางใจด้วยดีเสมอมา ช่วยเสริมส่วนธุรกิจต่าง ๆ ของคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัยให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายสุธีชัยกล่าวต่อว่า ด้วยวิสัยทัศน์ “ร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” เชื่อในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงในระยะยาว ซึ่งภายหลังจากการควบรวมกิจการในปี 2563 บุคลากรของบริษัทต่างผสานพลังเป็นทีมเดียวกันในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ตอบสนองต่อความพึงพอใจของลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ อันเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน
ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนพัฒนาการให้บริการ ผ่านช่องทางดิจิทัลที่หลากหลายเพื่ออํานวยความสะดวกในการดําเนินงานและปรับปรุงด้านบริการที่ดีขึ้นมากขึ้น ดังนี้
1.พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ตัวแทนและนายหน้า เช็กเบี้ยประกันภัยรถยนต์และทำใบเสนอราคาได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทาง Line OA
2.ขยายฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ Safe Smart เพื่อให้ตัวแทนและนายหน้าสามารถออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทได้เอง และ
3.เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสภาพรถยนต์ โดยพิจารณาการนำ Online Application เข้ามาใช้งาน
บริษัทดำเนินกลยุทธ์ผ่านช่องทางการขายหลัก ประกอบไปด้วย 1.ช่องทางสาขาที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ 2.ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากเครือข่ายบริษัท คู่ค้าญี่ปุ่น 3.ช่องทางการขายผ่านตัวแทนและนายหน้า 4.การเป็นพันธมิตรร่วมกับดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และ 5.ช่องทางอื่น ๆ ที่มีส่วนในการขยายฐานธุรกิจ อาทิ ช่องทางจากบริษัทไปคู่ค้าและไปถึงลูกค้า (B2B2C)
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance/