khoseries

khoseries

ผู้ถือหน่วยทรัสต์ SPRIME ผ่านแผนเพิ่มทุนซื้อสินทรัพย์ 7,283 ลบ.

กองทรัสต์ SPRIME ไฟเขียวลงทุน สิงห์คอมเพล็กซ์, เมโทรโพลิศ และ ซันทาวเวอร์รีเทล หนุนมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์โตเท่าตัวทะลุ 12,000 ล้าน ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของกองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงาน คาดการณ์ปันผลแตะ 0.632 ต่อหน่วย

บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME หรือ กองทรัสต์) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยของ SPRIME ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 ได้มีมติอนุมัติให้กองทรัสต์ SPRIME ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สิน 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 7,283 ล้านบาท เชื่อมั่นอาคารเกรด A CBD ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความหลากหลายให้กองทรัสต์

รวมถึงได้กลุ่มผู้เช่าหลักที่แข็งแกร่งฝ่าวิกฤตโควิดต่อสัญญา 3 ปีกับอาคาร เพิ่มผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยทรัสต์ให้สูงขึ้นมากกว่า 7% ในปีแรกหลังการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 และขยายขนาดกองทรัสต์ตามมูลค่าสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 จาก 5,889 ล้านบาท เป็น มากกว่า 12,000 ล้านบาท ภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในอาคารสำนักงานสำนักงาน สิงห์คอมเพล็กซ์ เมโทรโพลิศ และ ซันทาวเวอร์รีเทล

นายเกตุกร เขมธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME หรือ กองทรัสต์) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ของ SPRIME ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 ได้มีมติให้กองทรัสต์ SPRIME ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สิน 3 โครงการ ประกอบด้วย

(1) สิทธิการเช่าพื้นที่ค้าปลีกของโครงการซันทาวเวอร์ส ระยะเวลา 27 ปี (2) สิทธิการเช่าที่ดิน พื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ประกอบพาณิชกรรมของ โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ระยะเวลา 30 ปี และ (3) สิทธิการเช่าช่วงที่ดิน สิทธิการเช่าอาคารเมโทรโพลิศ ระยะเวลา 23 ปี จากบริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด และบริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) รวมถึงจากบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) มูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมรวมทั้ง 3 โครงการไม่เกิน 7,283 ล้านบาท

ผู้ถือหน่วยทรัสต์ SPRIME ผ่านแผนเพิ่มทุนซื้อสินทรัพย์ 7,283 ลบ.

 

“ที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์มีมติให้มีการเพิ่มทุน โดยการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 663 ล้านหน่วย ส่งผลต่ออัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ (DPU) ภายหลังการเข้าลงทุนในโครงการซันทาวเวอร์ส ส่วนพื้นที่ค้าปลีก จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 0.015 บาท และกรณีที่กองทรัสต์ลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมทั้ง 3 โครงการ จะมี DPU ไม่น้อยกว่า 0.632 บาทต่อหน่วย ซึ่ง DPU ภายหลังจากการเพิ่มทุน คิดเป็นผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 7% ในปีแรกหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทั้ง 3 โครงการ”

ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์มั่นใจในทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนล้วนเป็นโครงการที่มีศักยภาพในการแข่งขันและมีอัตราการเช่าสูง โดย อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ Grade A มาตรฐาน LEED Gold พร้อมพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งเป็นทรัพย์สิน Flagship ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่บริเวณแยก อโศก-เพชร เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี MRT เพชรบุรี อีกทั้งยังใกล้กับสถานี Airport Link มักกะสัน

โดยกองทรัสต์จะลงทุนในพื้นที่ให้เช่ารวม 47,756 ตร.ม. และมีผู้เช่าที่เป็นบริษัทข้ามชาติชั้นนำ เช่น Shopee , Amazon web service และ Unicharm เป็นต้น อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ นับได้ว่าเป็นผู้นำตลาดในย่าน อโศก-เพชรบุรี ในด้านภาพลักษณ์ความพรีเมี่ยม ซึ่งช่วยให้อัตราค่าเช่าเฉลี่ยในปัจจุบันสูงกว่า 950 บาท/ตร.ม.

สำหรับ อาคารเมโทรโพลิศ เป็นอาคารสำนักงานขนาดกลาง 13,677 ตร.ม. ตั้งอยู่บริเวณสถานี BTS พร้อมพงษ์ นับว่าเป็นอาคารที่เป็นตัวเลือกต้นๆ ของ บริษัทข้ามชาติชั้นนำ ที่ต้องการอาคารที่มีความพรีเมี่ยม เน้นความ Privacy พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ซึ่งเป็นจุดขายที่สำคัญของอาคารเมโทรโพลิศ และมีผู้เช่าเป็นบริษัทชั้นนำที่สามารถฝ่าวิกฤตโควิดต่อสัญญา 3 ปีกับอาคารแล้ว เช่น Accor Group, EVA Air, Nokia (Thailand) และ Thai Solar Energy เป็นต้น ด้วยผู้เช่าที่มีขนาดกลางใช้พื้นที่ประมาณ 1,000 ตร.ม ทำให้สามารถดันอัตราค่าเช่าเฉลี่ยได้สูงกว่า 900 บาท/ตร.ม.

“จุดเด่นสำคัญของทั้ง 2 อาคาร คือตั้งอยู่ในโซน อโศก-เพชรบุรี และ พร้อมพงษ์ เป็นโซนที่มีซัพพลายใหม่ในอนาคตไม่มาก ในขณะที่ความต้องการยังเพิ่มขึ้น และ อัตราค่าเช่าที่ยังถูกกว่า Central CBD ทำให้มั่นใจว่ายังมีโอกาสที่ยังเติบโตได้ดีอยู่ ภายหลังจากการสถานการณ์โควิด 19 การดำเนินธุรกิจของกิจการต่างๆ จะกลับมาดีขึ้น ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อให้พอร์ทโฟลิโอมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สร้างความแข็งแกร่งจากความหลากหลายของกลุ่มผู้เช่า ประเภทอาคาร และทำเลที่ตั้ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน”

หลังจากที่ผู้ถือหน่วยได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองทรัสต์ SPRIME ได้เตรียมยื่นแบบคำขอเสนอขายหน่วยทรัสต์ ร่างหนังสือชี้ชวน และเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ต่อไป ซึ่งระยะเวลาในการพิจารณาขึ้นอยู่กับกระบวนการการอนุมัติของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ

อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business